ทำอย่างไรให้การผลิตโฆษณาออนไลน์แล้วไม่ตกม้าตาย “ต้องฟัง” เนื้อหานี้เพื่อคนไม่เพ้อฝันโลกสวย แต่เป็นคนคิด จริงทำจริง เล่นจริง เจ็บจริง
คุณเคยไหม?
คุณเคยไหม? ยิง Ads โฆษณาในแพลตฟอร์มต่างๆ ยิงไปเท่าไหร่!! การตอบรับก็ไม่เข้าเป้า,คนไม่รู้จักสินค้า, ยอดขายไม่มา,เคยสงสัยไหมว่าเกิดความผิดพลาดจากตรงไหน? -ที่น่าสงสัยตรงจุดนี้เพราะมันทำให้นึกถึงเวลาที่เราเห็นโฆษณาหรือคอนเทนต์ต่างๆบนหน้าฟีดข่าวในโซเชียลมีเดีย; หากมีคอนเทนต์ไหนที่เราสนใจหรือเคยกดเข้าไปดู เหล่าโฆษณาคอนเทนต์ในหมวดสินค้าและบริการนั้นๆ มันก็มีมาเป็นขบวน มาปรากฏให้เราเห็นแบบจุใจ เลือกดูกันไม่หวาดไม่ไหว; ฉะนั้นแล้วถ้าเรายิง Adsโฆษณาสินค้าของเรา ก็น่าจะมีคนเห็นคนสนใจคนรู้จักบ้าง! แต่ถ้ายิง Ads วีดีโอโฆษณาออนไลน์แล้วมันเงียบ! คุณไม่ต้องพานไปโทษเทคนิคยิง Ads ว่าผิดวิธีไหม เพราะอย่างที่เห็นข้างต้นว่า “อัลกอลิทึ่ม” มันพยายามจะส่งคอนเทนต์ไปให้คนเห็นมากที่สุดด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง; ฉะนั้นอันดับแรกเลิกกังวลเกี่ยวกับวิธียิง Ads แล้วกลับมาตรวจสอบว่า โฆษณาออนไลน์ของคุณ น่าสนใจพอหรือยัง? ต้องบอกว่ามีผู้เชี่ยวชาญมากมายที่อ้างหลักวิชาการตลาดออนไลน์; รู้ดีเรื่องอัลกอลิทึ่มของทุกเพลตฟอร์ม มีข้อมูลจาก social listening แต่เมื่อรวมความขั้นสุดท้ายปลายน้ำแล้ว ผลมันจะมาลงที่คนหรือเหล่าผู้คนเท่านั้น ที่จะรับรู้ว่าโฆษณาออนไลน์ของคุณว่าจะดีเลวอย่างไร หากทำถูกใจก็ได้วิวขายของได้ ฉะนั้นทำอย่างไรให้ถูกใจได้วิวขายของได้ หลักสำคัญเกี่ยวกับโฆษณาออนไลน์ดังต่อไปนี้
5 เรื่องสำคัญต่อไปนี้ เมื่อรู้แล้วไม่ดับฝันเจ้าของผู้ผลิตโฆษณา เพราะโลกสวยเกินไป หรืออยู่กับหลักการวิชาการจนเลอะเทอะเกินจนหมดความสร้างสรรค์; แต่ทั้งหมดนี้เกิดจากความจริงความรู้จากหน้างานของการผลิตโฆษณาออนไลน์ในโลกความเป็นจริงที่ทุกคนสัมผัสรับรู้ได้ ของคนทำงานหน้างานแบบจริงๆ
“คอนเทนต์ ( Content ) content is king”
1. คอนเทนต์ ( Content ) content is king ยังเป็นความจริงอยู่เสมอ- ถ้าตามหลักวิชาการแล้วคอนเทนต์ที่ดีจะสร้างให้เกิดยอดขาย, ช่วยสร้าง Traffic, มีผลต่อการสร้างคุณค่าให้แบรนด์, มีผลต่อ SEO – แต่ทั้งหมดนี้ไม่ใช่หลักสำคัญของคนหน้างาน, ความสำคัญอยู่ที่คอนเทนต์ฉบับคนหน้างานต้องคิดว่า คอนเทนต์ที่ดีจะเป็นอย่างไรมีรูปร่างหน้าตาอย่างไร?
อย่างแรกต้องแตกต่างจากเดิม; ถ้างานคอนเทนต์เป็นแบบที่ “ใครๆเขาก็ทำแบบนี้!” “ ใครๆเขาก็รู้ว่าเรื่องมันต้องเป็นแบบนี้!” เป็นวิธีแบบ “ME TOO” -งานโฆษณาชิ้นนี้ก็จะไม่มีจุดขาย ไม่มีจุดน่าจดจำ; ดังนั้นคนทำงานหน้างาน ต้องรู้ว่างานที่ตีต้องมีคุณค่าต่อผู้ชมผู้ดู; โดยจุดเริ่มต้นคนหน้างานจะต้องหา “โจทย์ปัญหา” ที่สำคัญให้ได้; สมมุติตัวอย่างเป็นผลิตภัณฑ์ยาทาหน้าใสสูตรสมุนไพรโบราณ “โจทย์ปัญหา” ที่แบรนด์เจอคืออยากจะลดอายุของผลิตภัณฑ์ /ดึงจุดเด่น ที่มีส่วนร่วมกับกลุ่มวัยรุ่น; เมื่อได้ “โจทย์ปัญหา” แล้วก็ต้อง “ตีปัญหา” ให้แตก ในส่วนนี้ถ้าจะทำโฆษณาให้วัยรุ่นสนใจเราก็ต้องดูว่าวัยรุ่นสนใจเรื่องอะไรในขณะนี้; เมื่อรู้ว่าวัยรุ่นสนใจอะไรแล้ว ก็จะถึงขั้นตอนการ“แก้โจทย์” ด้วยการนำสิ่งที่วัยรุ่นสนใจมานำเสนอในงานโฆษณา เข่นวัยรุ่นสนใจ ไอดอลเกาหลี ไอดอลญี่ปุ่น อยากจะตามหาฝันเป็นไอดอล, หรือวัยรุ่นสนใจความเป็นอิสระในการสร้างอาชีพ ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็จะสามารถมาเป็นวิธีคิดการสร้างคอนเทนต์ ที่ตอบโจทย์ แก้โจทย์ปัญหาที่เราตั้งไว้ได้; ซึ่งการ “แก้โจทย์” สามารถมีวิธีคิดวิธีสร้างสรรค์ได้หลายวิธี เช่นการคิดนอกกรอบ การคิดแบบกลับทาง การคิดที่ไม่เหมือนเดิม จะสร้างความแตกต่างให้กับชิ้นงานโฆษณาออนไลน์ได้เป็นอย่างดี; ที่สำคัญคนทำโฆษณาหน้างานจะต้องมีความกล้า ที่จะทำสิ่งที่แตกต่างออกไปจากเดิม “ถ้าคุณไม่แตกต่างโลกจะไม่มีวันจำคุณได้”
2. Mood&tone เมื่อได้คอนเทนต์แล้ว คนทำงานหน้างานต้องรู้ว่า Mood&tone นั้นจะเป็นอย่างไร? คือต้องมีความเข้ากันกับตัวเนื้อหา; แต่ที่สำคัญที่หลีกหนีไม่ได้คือภาพความสวยงามของสินค้า- แม้ตัวสไตล์คอนเทนต์โฆษณาบางชิ้นงานอาจจะออกมาแบบดูง่ายๆดิบๆบ้านๆ แต่ความดิบ ความบ้านๆที่เห็นนั้น ทุกอย่างคือการออกแบบคือการวางแผนไม่ใช่การทำงานแบบมักง่าย; เพราะคนดูจะอย่างไรเสีย เมื่อดูโฆษณาแล้วต้องรู้สึกถึงความสวยงาม แม้งานดิบ ก็ต้องดูสวยแบบดิบๆ-ความแตกต่างระหว่างมืออาชีพ กับมือสมัครเล่น, ความล้มเหลวกับความสำเร็จในงานโฆษณา,งานดูแพงงานดูถูก ขึ้นอยู่กับ Mood&tone เป็นสำคัญ ทั้งนี้จะประกอบไปด้วย อาร์ตไดเรกชั่น กับคีย์วิชวล; ทั้งหมดนี้จะเห็นว่าการสร้าง Mood&tone ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ จึงพึงระวังความคิดที่ว่างานง่ายๆ ถ่ายง่ายๆ- เพราะถ่ายง่ายๆได้ แต่เป็นความง่ายที่ผ่านการวางแผน วางอาร์ตไดเรกชั่น มาเป็นอย่างดี ไม่อย่างนั้นแล้ว: ก็จะเหมือนดั่ง คอนเทนต์คือคนหล่อคนสวย ส่วน Mood&tone ก็เหมือกับแฟชั่นเสื้อผ้า หล่อสวยแล้วก็ต้องแต่งตัวเสื้อผ้าหน้าผมให้ดีถึงจะดูโดดเด่นหน้ามอง
3. สไตล์ ถ้าคอนเทนต์เหมือนคนหล่อคนสวย / Mood&tone เหมือนแฟชั่นเสื้อผ้าหน้าผม / สไตล์ก็เหมือนกับบุคลิกภาพ คาแรคเตอร์; ฉะนั้นอย่าให้ทั้งสามอย่างนี้ขัดกัน ต้องเลือกให้ชัดเจนว่าจะใช้สไตล์อย่างไรในการนำเสนอ สไตล์ก็เหมือนท่วงทำนองเสียงเพลงที่จะทำให้คนเพลิดเพลินไปจนจบเพลง จะช้า จะเร็ว จะรุนแรง สนุก ขบขัน ตื่นเต้นเล้าใจ เศร้าเคล้าน้ำตา; สไตล์ที่คนหน้างานเลือกมาทำโฆษณาออนไลน์จะต้องส่งเสริมความโดดเด่นให้กับคอนเทนต์; คนหน้างานจะต้องจินตนาการให้ออกว่าเมื่อสไตล์มันมากับคอนเทนต์แล้วจะสนุกโดดเด่นน่าจดจำอย่างไร ต้องลองนึกภาพรวมแทนคนดูให้ได้
4. กลุ่มเป้าหมาย คือความสำคัญสำหรับการชี้วัดความสำเร็จ ไม่ว่าคนทำหน้างานจะคิดคอนเทนต์ Mood&tone หรือ สไตล์งาน ความคิดทุกอย่างควรอยู่บนพื้นฐานของกลุ่มเป้าหมาย; คนหน้างานต้องรู้อินไซด์ของกลุ่มเป้าหมาย ต้องชัดเจนว่ากลุ่มเป้าหมายคือใคร? ซึ่งปัจจุบัน เราไม่ได้จำกัดแบ่งกลุ่มคนกันแค่เพศ อายุ เขตที่อยู่อาศัย แต่เราแบ่งกันตาม กลุ่มไลฟ์สไตล์ โดยเฉพาะในโลกออนไลน์มีกลุ่มสังคมความชอบที่หลากหลายกลุ่ม; คนหน้างานก็ต้องเข้าใจอินไซด์ของกลุ่มที่จะสื่อสารเป็นอย่างดี เปรียบเสมือนเข้าใจชนเผ่าต่างๆในโลกออนไลน์
5. ทีมโปรดักชั่น คืออีกสวนที่สำคัญในการทำงาน ว่ามีความเหมาะสมกับเนื้องานสโครปงานหรือไม่ ประสบการณ์ของทีมงานโปรดักชั่นจึงเป็นส่วนสำคัญที่ดูงานรู้ มองงานออก ว่าวิธีทำงานอย่างไรถึงจะได้งานตามจุดมุ่งหมายให้อยู่ในงบประมาณและเวลา-เปรียบเหมือนทำกับข้าว หลายคนก็ทำกินเองที่บ้านได้ แต่ถ้าจะทำขายในสเกล งานที่เป็นระดับสากล วิธีการทำงาน ความรู้ความสามารถรวมถึงประสบการณ์เป็นส่วนสำคัญ ที่จะทำให้งานออกมาดีและสวยงามตามแบบฉบับคนหน้างานโฆษณาออนไลน์
ยกตัวอย่างงานส่งเสริมการท่องเที่ยว ถ้าถ่ายแบบธรรมดาหรือแบบ vlog ทั่วไปก็จะไม่ได้ภาพที่น่าตื่นเต้นเล้าใจเท่ากับการว่างแผนการถ่ายเพื่อให้ได้ภาพที่สวยงาม เหมือนที่กัปตันโปรดักชั่นได้ร่วมผลิตในงานชิ้นนี้
อร่าม เจริญวงษ์
จากนักเรียนวิชาปรัชญา สู่ Producer ผู้สนใจงานภาพเคลื่อนไหวทุกประเภท ชอบศึกษาพฤติกรรมคนดู สนใจศิลปะในงานโปรดักชั่นและการตลาดของธุรกิจต่างๆ